หัวหิน รีชาร์จ พร้อมเปิด 1 ตุลาคมนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามั่นใจ “หัวหิน รีชาร์จ”
หัวหินพร้อมนำร่องเฟสสอง 1 ตุลาคมนี้ ประชาชนรับวัคซีนแล้วเกิน 70%
หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์, 6 กันยายน 2564: นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่และเป็นประธานในการแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการหัวหิน รีชาร์จ และแนวทางการเปิดเทศบาลเมืองหัวหิน (ตำบลหัวหินและตำบลหนองแก) ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแบบไม่กักตัว ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ร่วมกับ นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และประธานโครงการหัวหิน รีชาร์จ ภาครัฐ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และนายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานโครงการหัวหิน รีชาร์จ ภาคเอกชน ณ ห้องประชุมนเรศดำริห์ เทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา
“จากเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับนโยบายและจัดทำแผนการเปิดประเทศ โดยแบ่งเป็นเฟสแรกตามที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
จากนี้ จึงเป็นการเดินหน้าเฟสสอง เสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะรัฐมนตรี อนุมัติการเปิดพื้นที่เพิ่มอีก 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่
ซึ่งหากในวันที่ 1 ตุลาคม พื้นที่นำร่องดังกล่าวมีความพร้อมก็สามารถเปิดพื้นที่ได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยในช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นสำคัญ ซึ่งจะต้องมีการติดเชื้อที่เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ก็จะสามารถนำเสนอให้ศบค.พิจารณาอนุมัติต่อไป
รวมถึง ขอให้พิจารณาลดจำนวนวันในการกักตัว จาก 14 วัน เป็น 7 วัน เนื่องจากข้อมูลที่เก็บได้จากโครงการภูเก็ตแซนบ็อกซ์ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา 25,000 กว่าคน ตรวจพบการติดเชื้อเพียง 80 คน หรือคิดเป็น 0.3% ซึ่งส่วนใหญ่จากจำนวนนี้สามารถคัดกรองได้ตั้งแต่การตรวจครั้งแรกถึง 80%
โดยคาดการณ์ว่า ณ เวลานั้น พื้นที่ทั้ง 5 นี้ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่สนามบิน จุดรับนักท่องเที่ยวจะได้รับวัคซีนเกินร้อยละ 70 แล้ว รวมถึงทั้งจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในขณะที่เชียงใหม่จะนำเสนอ 4 อำเภอสำหรับการนำร่อง ได้แก่ อำเภอเมือง ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง และจังหวัดชลบุรี นำเสนออำเภอบางละมุงและสัตหีบ” นายพิพัฒน์ กล่าว
“ณ วันที่ 5 กันยายน 2564 อำเภอเมืองหัวหินได้รับการจัดสรรวัคซีนแล้วรวม 90,390 โดส แก่ประชากร 66,558 คน ครอบคลุมประชากรที่อายุ 18 ปีขึ้นไปในพื้นที่ร้อยละ 73% จึงนับได้ว่า หัวหินถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีนที่กำหนดแล้ว และยังคงเดินหน้าจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป โดยวัคซีนได้รับการจัดสรรจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเทศบาลเมืองหัวหินที่มีส่วนอย่างมากในความสำเร็จนี้ในการจัดหาวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์มจำนวน 55,000 โดสแก่ประชาชนชาวหัวหิน 27,500 คนมาเพิ่มเติมอีกด้วย
ในขณะที่ภาพรวมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนแล้วรวม 283,985 โดส แก่ประชากร 197,239 คน ครอบคลุมประชากรที่อายุ 18 ปีขึ้นร้อยละ 45.8 จึงคาดว่าหากได้รับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมจากภาครัฐ ไม่เพียงแค่พื้นที่อำเภอหัวหิน แต่ทั้งจังหวัดจะสามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาด และเพื่อเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในไม่ช้า” นพ.สุริยะ กล่าวให้ข้อมูล
“สิ่งสำคัญในการเตรียมการเปิดเมืองนั้นคือ การจัดสรรวัคซีนที่ต้องจัดสรรให้เพียงพอทั้งประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี เพราะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน จากความคืบหน้าข้างต้น คาดว่าจะสามารถจัดสรรให้แก่พื้นที่ได้ทันเวลา เพื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้แก่พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องนี้สามารถรองรับกิจกรรมของนักท่องเที่ยว อาทิ การทานอาหารในร้านอาหาร การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมของพื้นที่ และแนวทางการต้อนรับนักท่องเที่ยวหรือ SOP ก็เป็นสิ่งสำคัญ เห็นได้ชัดว่า หัวหินมีความพร้อม มีการร่วมมือกันมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี ทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชานต้องให้ความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการป้องกันตนเอง ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดตามมา” นายพิพัฒน์ กล่าว
“การจะเปิดพื้นที่เป็นการจัดการพื้นที่ความปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการจัดการต้องมีความสมดุล
เป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในไตรมาสสุดท้าย ในส่วนของนักท่องเที่ยวภายในประเทศไทย จะมีการนำเสนอโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และ ทัวร์เที่ยวไทย ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไฮซีซั่นนี้
ในส่วนของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและหากสามารถเปิดพื้นที่นำร่องที่กล่าวมาได้สำเร็จ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทย 1 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด จาก 50,000 บาทต่อคนต่อทริป เป็น 75,000 บาทต่อคนต่อทริป” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
“โครงการหัวหิน รีชาร์จ ทำให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจ และความพร้อมของท้องถิ่น ภาคสาธารณสุข ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหิน อันได้แก่ ตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก ทำให้มั่นใจได้ว่า พื้นที่นี้พร้อมจะเป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแบบไม่กักตัว
การร่วมมือในครั้งนี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่การร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 แต่คาดหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือเพื่อช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหินให้เป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพื่อประโยชน์สูงสุดของชุมชนในรูปแบบต่างๆ ต่อไป” นายกรด กล่าวปิดท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการ หัวหิน รีชาร์จ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.huahinrecharge.com หรือ www.facebook.com/HuaHinRecharge
โครงการหัวหิน รีชาร์จ (Hua Hin Recharge) เป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคสาธารณสุข และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการในพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน โดยมีซึ่งมีนายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายกรด โรจนเสถียร เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันภาครัฐเร่งจัดหาวัคซีนสำหรับประชาชน บุคคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และบุคคลากรในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่พื้นที่และให้พื้นที่เทศบาลเมืองหัวหินได้รับความเห็นชอบให้เป็นพื้นที่นำร่องที่จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนสามารถเดินทางมาโดยไม่ต้องกักตัวได้ตั้งแต่ที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศ