หากถามว่าจังหวัดสมุทรสงครามมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง หลายคนคงนึกถึงตลาดน้ำที่มีอยู่หลายแห่ง และวิถีชาวสวนมะพร้าวที่เป็นเหมือนภาพจำของจังหวัด จนบางทีอาจลืมไปว่าจังหวัดสมุทรสงครามก็มีทะเลด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ทะเลที่จังหวัดสมุทรสงครามนั้นเป็นทะเลโคลนที่ไม่มีหาดทราย แต่ในโคลนเลนที่เป็นจุดเริ่มต้นของทะเลนี่แหละ ที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายรอให้เราเข้าไปค้นหา ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต อาหารการกิน และธรรมชาติ แถมยังมีกิจกรรมที่ทั้งสนุกและเป็นประโยชน์ ให้เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดทริปเลย
เที่ยวใกล้กรุง สุขใกล้กัน
ทริปปันรักให้ทะเล 2 วัน 1 คืน สมุทรสงคราม
Bio Tourism เที่ยวสนุก สุขใจ ได้ความรู้
ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวดอนหอยหลอด และคลองโคน พร้อมกิจกรรมแน่นๆ สนุกๆ ใน 2 วัน 1 คืน เพราะว่าพื้นที่นี้มีอะไรให้เรียนรู้มากมาย เหมาะกับการท่องเที่ยวในแบบที่เรียกว่า Bio Tourism หรือ การท่องเที่ยวบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพ ฟังดูเหมือนจะซีเรียสจริงจัง แต่ความจริงแล้ว Bio Toursim ก็คือการท่องเที่ยวที่จะพาเราไปรู้จักกับความหลากหลายในพื้นที่ และเข้าใจการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างธรรมชาติและชุมชน ให้เราได้สนุกและเข้าถึงวิถีชีวิตชุมชนด้วยการร่วมกิจกรรมต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นทริปที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว
จิบกาแฟ แลนาเกลือ
จากกรุงเทพฯ ถึงสมุทรสงคราม ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เริ่มทริปเที่ยวใกล้กรุงด้วยการแวะจิบกาแฟยามเช้ากันที่ Salt Lake De Maeklong ซอลท์ เลค เดอ แม่กลอง คาเฟ่นาเกลือริมถนนพระรามสอง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการทำนาเกลือหลายจุด ตัวร้านเป็นบ้านน้อยสีขาว มีมุมถ่ายรูปสวยๆ กับนาเกลือหลายมุม มาถึงคาเฟ่นาเกลือทั้งที ก็ต้องลองชิมกาแฟใส่เกลือกันสักหน่อย เมนู signature ที่ร้านแนะนำคือ Salt Farm Coffee เป็นกาแฟที่ได้รสหวาน มัน จาก Salted Caramel มีความเค็มนิดๆ จากดอกเกลือ ท็อปด้วยวิปครีมและอัลมอนด์ เป็นเมนูกาแฟที่ผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นได้อย่างลงตัวและสร้างสรรค์มากๆ เลยล่ะ
เก็บดอกเกลือ ที่โรงเรียนคนทำนาเกลือ
ชมนาเกลือที่คาเฟ่แล้วถ้าอยากรู้เรื่องนาเกลือมากขึ้นก็ต้องมาที่ โรงเรียนคนทำนาเกลือ ที่นี่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของการทำนาเกลือให้เราได้รู้ทุกขั้นตอนจนกว่าจะมาเป็นเกลือที่เราคุ้นเคย การทำนาเกลือนั้นเป็นวิถีดั้งเดิมที่สืบต่อมานับร้อยปี ต้องอาศัยน้ำทะเลจากคลองธรรมชาติที่น้ำเค็ม ผันน้ำเข้าสู่นาต่างๆ ในขั้นตอนที่ต่างกัน จนได้ระดับความเค็มที่พอเหมาะ เกลือตกผลึกหนา จึงได้เวลาเก็บเกลือ ทุกขั้นตอนล้วนต้องอาศัยความชำนาญในการสังเกตและความรู้จากประสบการณ์ แสดงถึงภูมิปัญญาความรู้ และการพึ่งพาธรรมชาติ อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดเป็นผลผลิตจากเกลืออีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สบู่ เกลือขัดผิว เกลือสปา เกลือจืดที่ใช้ทำดินสอพอง เห็นแล้วถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเกลือนำมาทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ ส่วนกิจกรรมที่เราชอบที่สุด ต้องยกให้กับ การเก็บดอกเกลือ ที่เขาว่ากันว่ามีน้อย หายาก ราคาสูงกว่าเกลือธรรมดา มาที่นี่โชคดีเป็นช่วงนี้ดอกเกลือขึ้นพอดี เลยได้เห็นดอกเกลือใกล้ๆ และได้ลงมือเก็บเองด้วย ก่อนกลับก็จับจ่ายซื้อสบู่ ดอกเกลือ เกลือจืด ฯลฯ กลับบ้านกันเต็มไม้เต็มมือ ก็แหม.. มาถึงแหล่งทั้งที ขอช็อปให้หนำใจหน่อยเถอะนะ
*สนใจเที่ยวโรงเรียนคนทำนาเกลือ ติดต่อล่วงหน้าได้ที่ โทร. 081-856-2673 (ครูโต)
เมนูอร่อย ดอนหอยหลอด
ได้เวลามุ่งหน้าสู่ดอนหอยหลอด สันดอนปากแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแหล่งอาศัยของหอยนานาชนิด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มาแล้วได้หลายอย่าง เพราะมีทั้งวิวสวยๆ ของปากแม่น้ำ มีเรือให้เช่านั่งออกไปจับหอยหลอดหรือชมวิว มีอาหารทะเลสดแห้งให้เลือกซื้อ และก็มีร้านอาหารมากมายให้ฝากท้อง และแน่นอนว่าเมนูขายดีที่มาถึงนี่แล้วต้องสั่ง ก็ต้องเป็นเมนูจากหอยหลอด หอยหลอดผัดฉ่า สด รสชาติดี ไม่มีผิดหวัง
ลุยโคลนจับหอยหลอด
ที่ดอนหอยหลอดจะมีชาวบ้านมาเก็บหอยอยู่เป็นปกติ แต่ถ้านักท่องเที่ยวอย่างเราอยากจะเก็บหอยบ้างก็ไม่ยาก เพราะว่าที่นี่เขามีเรือบริการพร้อม ติดต่อสอบถามที่ท่าเรือได้เลย แนะนำว่าถ้าตั้งใจจะมาจับหอยด้วยล่ะก็ อย่าลืมแต่งตัวให้พร้อม กางเกงขาสั้น หมวกกันแดด เพราะงานนี้ต้องมีเปื้อนโคลนกันเล็กน้อย อุปกรณ์ในการจับหอยหลอดก็จะมีกระป๋องสำหรับใส่หอย ไม้จิ้ม และปูนขาว ช่วงที่เหมาะกับการออกไปจับหอย คือราวๆ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำลงเป็นเวลานานในแต่ละวัน หากมาในฤดูกาลที่น้ำขึ้นช่วงกลางวัน ก็ต้องเปลี่ยนเวลาออกจับหอยเป็นช่วงกลางคืนแทน เพราะฉะนั้นควรสอบถามกับคนขับเรืออีกครั้งเพื่อความแน่นอน
ลุงอ้วนคนขับเรือสอนวิธีการจับหอยให้ด้วย โดยเริ่มจากเอานิ้วมือทิ่มลงไปบนพื้นทราย แล้วคอยสังเกตุดูว่ามีฟองอากาศขึ้นมาตรงไหนแปลว่ามีหอยหลอดอยู่ ให้เอาไม้จิ้มปูนขาวเสียบลงไปตรงนั้น เจ้าหอยหลอดก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาให้เราจับ นอกจากหอยหลอดแล้ว ยังอาจจะได้เจอหอยแครง หอยตลับด้วยนะ
เรือที่พาไปจำหอยหลอดมีบริการสองแบบ
- แบบแรกคือเรือรับ-ส่งนั่งรวมกับคนอื่น พาไปส่งที่สันดอนและให้เดินจับหอยเอง คิดค่าเรือเที่ยวละ 10 บาท/คน ติดต่อเรือที่ท่าเรือบริเวณดอนหอยหลอดได้เลย
- แบบที่สองคือเหมาลำ คนขับเรือจะพานั่งเรือเที่ยวคลองฉู่ฉี่ ดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ชาวประมง ระหว่างทางได้เห็นป่าโกงกาง ลิงแสม ปูก้ามดาบ เห็นชาวบ้านเก็บหอยนางรม หอยแครง จากนั้นพาไปจับหอยหลอด โดยคนขับเรือจะสอนวิธีจับให้ด้วย ค่าบริการเหมาลำ 400 บาท นั่งได้ 8 คน ติดต่อเหมาเรือได้ที่ท่าเรือดอนหอยหลอด หรือ ติดต่อเรือลุงอ้วน โทร. 099-221-1051
ปลูกป่าชายเลน ที่คลองโคน
ไหนๆ ก็ตัวเปื้อนแล้ว มาต่อกันอีกหนึ่งกิจกรรมลุยๆ กับการปลูกป่าชายเลน ด้วยพื้นที่ของตำบลคลองโคนที่เป็นที่ปากแม่น้ำออกสู่ทะเล ทำให้มีพื้นที่ป่าชายเลนอยู่มาก แต่ด้วยความเจริญเติบโตของเมืองและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลงจากการถูกรุกล้ำ ชาวบ้านจึงร่วมกันฟื้นฟูวิถีชีวิตเดิมๆ ด้วยการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เกิดเป็นศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน จัดกิจกรรมพานักท่องเที่ยวออกไปปลูกป่าชายเลน เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในชุมชน เห็นคุณค่าและช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ระหว่างนั่งเรือออกไปปลูกป่า เราจะได้เห็นฝูงลิงแสมมากมายที่อาศัยอยู่แถวป่าชายเลนตามธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรให้อาหารลิงเพราะจะทำให้ลิงเลิกหาอาหารเอง และยังอาจเข้ามาจู่โจมนักท่องเที่ยวเพื่อหวังอาหาร ดังนั้นควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีที่สุด
*สนใจทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ติดต่อได้ที่ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน & ผู้ใหญ่ชงค์โฮมสเตย์ รีสอร์ท
พักโฮมสเตย์ นอนสบาย อาหารอร่อย
เหนื่อยมาทั้งวันแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน ที่คลองโคนมีที่พักหลายแห่ง ส่วนมากเป็นโฮมสเตย์ที่ชาวบ้านทำขึ้นเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่พักแนวโฮมสเตย์แม้ไม่ได้สวยหรู ครบครัน เหมือนโรงแรม รีสอร์ทใหญ่ๆ แต่ก็นอนสบาย และสิ่งสำคัญที่ได้คือความรู้สึกเข้าถึงในวิถีของชุมชน จุดเด่นอีกอย่างของโฮมสเตย์แถวคลองโคนคือ มีอาหารทะเลสดอร่อยสมกับเป็นพื้นที่ปากแม่น้ำติดทะเลจริงๆ
*ติดต่อบ้านคลองโคนรีสอร์ท (ลุงแดง) โทร. 081-809-9649, 089-764-3001
จับเคย ทำกะปิ
ผลิตภัณฑ์อันโด่งดังของคลองโคนก็คือ กะปิ เช้าวันที่สองเราเดินทางไปลงเรือออกสู่ปากแม่น้ำอีกครั้ง เพื่อดูวิธีการจับเคย “เคย” เป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายกุ้ง นิยมนำมาทำกะปิ กะปิเคยจะมีสีที่เข้ม เนื้อเนียนละเอียด รสชาติเข้มข้น ซึ่งที่ร้านกะปิเจ๊จิ๋มเราจะได้เรียนรู้วิธีการทำกะปิตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นตอนการอัดกะปิใส่กระปุกเลยทีเดียว ถ้าใครอยากจะลองอัดกะปิดูบ้างก็ได้เหมือนกันนะ สนุกสนานกันแล้วก็ได้เวลาช็อปปิ้ง ที่นี่มีของให้ช็อปกันจุใจ ทั้งกะปิเคย กะปิกุ้ง อาหารทะเลแห้ง น้ำพริก รวมไปถึง “ชะคราม” ผักพื้นถิ่นก็มีด้วย
*สนใจกิจกรรมนั่งเรือดูการจับเคย และสาธิตทำกะปิ ติดต่อร้านกะปิเจ๊จิ๋ม โทร. 081-942-4987
ชิมชะคราม พืชพื้นถิ่น สรรพคุณเพียบ
มาเที่ยวคลองโคนทั้งที ต้องไม่พลาดชิมผักพื้นถิ่นอย่าง “ชะคราม” เป็นพืชล้มลุกที่ขึ้นเองตามพื้นที่ที่เป็นดินเค็ม พบได้มากตามริมทางบริเวณที่มีนาเกลือและป่าชายเลน สำหรับใครที่ไม่เคยรู้จักชะครามมาก่อน ถ้าเห็นถามริมถนนอาจจะนึกว่าเป็นวัชพืช แต่ความจริงแล้วชะครามเป็นผักที่มีสรรพคุณไม่น้อยเลย ช่วยเรื่องบำรุงสายตา ขับปัสสาวะ กระตุ้นระบบประสาท รักษาโรคคอพอก ใบชะครามจะมีรสออกเค็มเพราะว่าเติบโตในพื้นที่ดินเค็ม นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกงส้ม ไข่เจียวชะคราม ชะครามลวกทานกับน้ำพริก บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง
ชมทิวทัศน์ป่าชายเลน แหล่งอนุบาลสัตว์ทะเล
ก่อนกลับเราแวะไปเที่ยว “โรงเรียนธรรมชาติป่าชายเลน” ที่ชุมชนบางบ่อ ตำบลบางแก้ว ที่นี่เคยมีปัญหาเรื่องที่ดินถูกน้ำทะเลกัดเซาะ คนในชุมชนจึงร่วมมือกันปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น และปลูกป่าชายเลนเป็นแนวป้องกันคลื่นลมจากทะเล จนถึงตอนนี้พื้นที่นี้กลายเป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการกัดเซาะที่ดินแล้ว ยังทำให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์
ระหว่างเดินชมป่าชายเลน เราจะได้เห็นสัตว์นานาชนิด ทั้งปูก้ามดาบ กุ้งดีดขัน ปลาตีน หอยนางรม และสัตว์ทะเลอีกมากมายที่มาอาศัยพื้นที่ป่าชายเลนในการอนุบาลตัวอ่อนก่อนที่จะออกสู่ท้องทะเลต่อไป แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
*สนใจทำกิจกรรมที่โรงเรียนธรรมชาติป่าชายเลน ติดต่อโทร. 085-117-1528 (ผู้ใหญ่แดง)
สรุป
ไม่น่าเชื่อเลยว่าจังหวัดสมุทรสงคราม ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จะมีความหลากหลายทั้งทางธรรมชาติ วิถีชีวิต ภูมิปัญญา อาหารท้องถิ่น ฯลฯ ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน เราได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่าง รวมถึงได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ได้ชิมอาหารอร่อย ทริปนี้ทำให้เรารู้สึกประทับใจในภูมิปัญญาและความรักในท้องถิ่นของคนในชุมชน ที่ร่วมกันรักษาทรัพทยากรทางธรรมชาติ แล้วยังนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและนักท่องเที่ยว แบบนี้แหละที่เรียกว่าการท่องเที่ยวบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง
*หมายเหตุ : สำหรับใครที่ต้องการตามรอยทริปนี้ อย่าลืมตรวจสอบช่วงเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง เพื่อปรับโปรแกรมท่องเที่ยวให้เหมาะสมสอดคล้องตามสถานการณ์
ขอขอบคุณ
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ตามไปอ่านอีกหนึ่งทริปสนุกๆ สไตล์ Bio Tourism ได้ที่ เที่ยวใกล้กรุง สุขใกล้กัน : บางกะเจ้า
ติดตามข้อมูลท่องเที่ยวดีๆ ในแบบ Bio Tourism ได้ที่ เที่ยวใกล้กรุง สุขใกล้กัน
** สนใจลงรีวิวในเว็บไซต์ letscheckinmag.com ติดต่อได้ทางอีเมล letscheckinmag@gmail.com หรือทาง Facebook : Let’s Check in เรื่องกิน เรื่องเที่ยว
*** บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ letscheckinmag.com กรุณาสนับสนุนทีมงานด้วยการแชร์ link กลับมายังเว็บ letscheckinmag.com เท่านั้น ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ หรือดัดแปลงส่วนใดไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด